โอโซน คืออะไรกันแน่ อืม ไม่ต้องคิดนานครับ โอโซนเป็นก๊าซชนิดหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยออกซิเจน 3 อะตอม (มันมีสูตรด้วยนะ คือ O3) มันล่องลอยวนเวียนอยู่ท่ามกลางชั้นบรรยากาศ และยังมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป
อย่างเช่นโอโซนที่อยู่บริเวณใกล้ผิวโลก มันมีประโยชน์ตรงที่เราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ฆ่าเชื้อโรคในเครื่องดื่ม ฟอกอากาศก็ได้ และเพื่อการบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น (จริงๆ ยังมีอีกเยอะ แต่ตอนนี้นึกไม่ออก แหะๆ)
ส่วนโอโซนที่อยู่ในชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียร์ ซึ่งมันมีอยู่มากที่สุด และหนาแน่นที่สุด ตรงนี้แหละที่มีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติอย่างยิ่งยวด เนื่องจากทำหน้าที่ดูดซับรังสีต่างๆ โดยเฉพาะรังสียูวีบี ที่ส่องมายังพื้นโลก ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมที่สุด ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง โรคต้อกระจกที่ดวงตาอันสวยงามของคนเรา ป้องกันระบบนิเวศวิทยาไม่ให้ถูกทำลาย และที่สำคัญ มันยังช่วยลดความร้อนสะสมในบรรยากาศที่เกิดจากรังสียูวีบีอีกด้วย
เป็นไงครับ ชัดเจนหรือยังกับความหมายของโอโซน
---------------------------------------------------------------------------------
ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีวงจรชีวิตด้วยกันทั้งนั้น โอโซน (O3)ก็เช่นกันครับ ก็มีวงจรชีวิตกับเขาเหมือนกัน กล่าวคือโอโซนเกิดจากการรวมตัวของก๊าซออกซิเจน 1 โมเลกุล (O2) กับอะตอมของออกซิเจนอิสระ (O) โดยที่อะตอมออกซิเจนอิสระตัวนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อโมเลกุลของออกซิเจนเกิดการแตกตื่น เอ้ย แตกตัว โดยการกระตุ้นของรังสียูวีซี เมื่อออกซิเจนแตกตัวเป็นออกซิเจนอิสระแล้ว (O) มันก็จะไปจับตัวกับโมเลกุลออกซิเจน (O2) เพื่อกลับมาเป็นโอโซนดังเช่นเดิม หลังจากนั้นรังสียูวีบีจะเป็นตัวการที่คอยเร่งปฎิกิริยาให้โอโซน (O3) เกิดการแตกตัวจนกลายมาเป็นก๊าซออกซิเจน 1 โมเลกุล (O2) กับอะตอมของออกซิเจนอิสระ (O) เวียนว่ายตายเกิดตามธรรมชาติของมันเอง เช่นนี้ไม่มีวันจบสิ้น อืม น่าเหนื่อยจริงๆ
---------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------
วงจรชีวิตของโอโซน
ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีวงจรชีวิตด้วยกันทั้งนั้น โอโซน (O3)ก็เช่นกันครับ ก็มีวงจรชีวิตกับเขาเหมือนกัน กล่าวคือโอโซนเกิดจากการรวมตัวของก๊าซออกซิเจน 1 โมเลกุล (O2) กับอะตอมของออกซิเจนอิสระ (O) โดยที่อะตอมออกซิเจนอิสระตัวนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อโมเลกุลของออกซิเจนเกิดการแตกตื่น เอ้ย แตกตัว โดยการกระตุ้นของรังสียูวีซี เมื่อออกซิเจนแตกตัวเป็นออกซิเจนอิสระแล้ว (O) มันก็จะไปจับตัวกับโมเลกุลออกซิเจน (O2) เพื่อกลับมาเป็นโอโซนดังเช่นเดิม หลังจากนั้นรังสียูวีบีจะเป็นตัวการที่คอยเร่งปฎิกิริยาให้โอโซน (O3) เกิดการแตกตัวจนกลายมาเป็นก๊าซออกซิเจน 1 โมเลกุล (O2) กับอะตอมของออกซิเจนอิสระ (O) เวียนว่ายตายเกิดตามธรรมชาติของมันเอง เช่นนี้ไม่มีวันจบสิ้น อืม น่าเหนื่อยจริงๆ
---------------------------------------------------------------------------------
โอโซนนั้นสำคัญไฉน
เป็นความจริงที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแท้ที่จริงแล้ว โอโซนบนโลกเรานั้น มีปริมาณเพียงน้อยนิด ซึ่งเราจะพบว่า ทุกๆ 10 ล้านโมเลกุลของบรรยากาศของโลกเรานี้ จะพบโอโซนเพียงประมาณ 3 โมเลกุลเท่านั้นเอง (น้อยมากๆ จริงๆด้วย) ซึ่งถ้าหากเรานำโอโซนทั้งหมดที่กระจัดกระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศมารวมกันแล้ว จะสามารถปกคลุมผิวโลกด้วยความหนาเพียง 3 มิลลิเมตรเท่านั้นเอง (บางมากๆด้วย) อย่างที่เราทราบกันมาแล้วว่าในความเป็นจริงแล้ว ชั้นบรรยากาศของโลกเรามิได้มีเพียงแค่เจ้าโอโซนเท่านั้น ยังมีรังสีชนิดต่างๆ ทั้งยูวีเอ ยูวีบี และก๊าซชนิดอื่นๆอีกมากมายก่ายกอง ปะปนกันไป ก๊าซบางชนิดจะไปทำปฎิกิริยากับโอโซน เช่น ออกไซด์ของคลอรีน ออกไซด์ของโบรมีน เป็นต้น เป็นผลให้โอโซนเกิดการแตกตัวมากกว่าการเกิด โดยเราจะพบว่า คลอรีนเพียง 1 โมเลกุล จะพิษสงร้ายกาจสามารถทำลายโอโซนได้มากมายถึง 100,000 โมเลกุลเลยทีเดียว ทำให้สมดุลธรรมชาติของวงจรชีวิตของโอโซนสูญเสียไป
และเมื่อใดก็ตามที่โอโซนในชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียร์มีจำนวนลดน้อยลง จนไม่สามารถต้านทานการทำลายของออกไซด์ของคลอรีน/โบรมีนได้ ถึงตอนนั้น ใครกันเล่าที่จะมาทำหน้าที่ดูดซับรังสียูวีบี ให้กับโลกอันสวยงามใบนี้ของพวกเรา อืม น่าคิดๆ